กงสุลใหญ่ เข้าร่วมพิธีเปิดงานสัมมนาชักจูงการลงทุน “Thailand Investment Policies” และพบปะชุมชนคนไทย ณ เมืองหลงเหยียน มณฑลฝูเจี้ยน

กงสุลใหญ่ เข้าร่วมพิธีเปิดงานสัมมนาชักจูงการลงทุน “Thailand Investment Policies” และพบปะชุมชนคนไทย ณ เมืองหลงเหยียน มณฑลฝูเจี้ยน

วันที่นำเข้าข้อมูล 15 ก.ย. 2568

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 15 ก.ย. 2568

| 17 view

     เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2568 กงสุลใหญ่ ณ เมืองเซี่ยเหมิน ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองเซี่ยเหมิน พร้อมด้วยข้าราชการ และเจ้าหน้าที่สถานกงสุลใหญ่ฯ เข้าร่วมพิธีเปิดงานสัมมนาชักจูงการลงทุน “Thailand Investment Policies” ซึ่งจัดโดยสำนักงานเศรษฐกิจการลงทุนประจำนครกว่างโจว และสภาส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เมืองหลงเหยียน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลด้านเศรษฐกิจการลงทุนและสิทธิประโยชน์ต่างๆ สำหรับนักลงทุนชาวจีน ที่ประสงค์จะไปลงทุนในประเทศไทย โดยมีนักธุรกิจให้ความสนใจเข้าร่วมงานสัมมนามากกว่า 80 คน

     กงสุลใหญ่ฯ ได้กล่าวเปิดงาน โดยย้ำว่า จีนคงสถานะการเป็นคู่ค้าอันดับหนึ่งของไทย มายาวนานกว่า 12 ปี และยังคงเป็นหนึ่งในแหล่งเงินลงทุนต่างประเทศที่สำคัญที่สุดของไทยในปี 2568 ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นและความร่วมมือที่เติบโตแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง งานสัมมนาครั้งนี้เป็นโอกาสให้ประเทศไทยได้นำเสนอศักยภาพและจุดแข็ง พร้อมทั้งเปิดโอกาสทางธุรกิจที่น่าสนใจให้กับนักลงทุนชาวจีน โดยทีมประเทศไทยที่ดูแลมณฑลฝูเจี้ยนมีความพร้อมที่จะเป็นสะพานเชื่อมและให้การอำนวยความสะดวกทุกขั้นตอน เพื่อให้นักลงทุนจีนที่มีศักยภาพสูงสามารถขยายธุรกิจสู่ตลาดไทยได้อย่างราบรื่น

     ในโอกาสเดียวกันงาน นางเลี่ยว เฟิ้งอิง ประธานสภาส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เมืองหลงเหยียนกล่าวเปิดงานในฐานะผู้จัดร่วม โดยกล่าวถึงความสัมพันธ์ด้านการค้าระหว่างเมืองหลงเหยียนและประเทศไทย ซึ่งปัจจุบันจีนเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของประเทศไทย และไทยซึ่งเป็นศูนย์กลางของอาเซียน และเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญของโครงการ “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” มีพื้นฐานอุตสาหกรรมที่แข็งแกร่งและสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เอื้ออำนวย จึงเปิดกว้างต่อโอกาสและลู่ทางของนักลงทุนจากเมืองหลงเหยียนมาโดยตลอด

     ในระหว่างการบรรยาย นางสาวชนกพร หนูหอม ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจ การลงทุน ณ นครกว่างโจว ได้กล่าวถึงความพร้อมของประเทศไทยในการรองรับการลงทุนจากนานาประเทศ มีโครงสร้างพื้นฐาน ระบบคมนาคมขนส่ง ระบบโลจิสติกส์ที่ดี และให้สิทธิประโยชน์ด้านภาษี เช่น การยกเว้นและลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคล รวมถึงการยกเว้นอากรขาเข้าเครื่องจักร และวัตถุดิบที่นำมาผลิตเพื่อการส่งออก โดยในพื้นที่ EEC หรือพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกประกอบด้วย 3 จังหวัด ได้แก่ ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง มีนิคมอุตสาหกรรมมากถึง 40 แห่ง

     ในช่วงบ่ายวันเดียวกัน กงสุลใหญ่ฯ และคณะยังได้ศึกษาดูงานวิสาหกิจท้องถิ่น บริษัท เหลียนเฉิง เคาน์ตี้ ฝูหนง ฟู้ด จำกัด โดยมีความเชี่ยวชาญด้านการผลิตและจำหน่ายผลไม้เชื่อม  ขนมอบ และอาหารอื่น ๆ เช่น ขนมมันหนึบ ขนมฟักทองอบ บ๊วยเชื่อม ฯลฯ โดยธุรกิจของบริษัทครอบคลุมการผลิตอาหาร การขาย และการนำเข้าและส่งออกสินค้า ซึ่งได้รับรางวัลระดับจังหวัด ในฐานะวิสาหกิจเฉพาะทาง วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมปี 2566 และวิสาหกิจยักษ์ใหญ่ชั้นนำระดับประเทศด้านอุตสาหกรรมการเกษตรปี 2568 อีกด้วย

      นอกจากนี้ กงสุลใหญ่ฯ ได้เข้าพบปะชุมชนไทยที่อาศัยอยู่ในเมืองหลงเหยียน เพื่อกระชับความสัมพันธ์และแบ่งปันข้อมูลที่เป็นประโยชน์ด้านงานการกงสุลและการดูแลคุ้มครองคนไทย ตลอดจนรับฟังปัญหาของชุมชนไทยในพื้นที่ เพื่อเสริมสร้างและขยายเครือข่ายความสัมพันธ์ระหว่างสถานกงสุลใหญ่ฯ กับชุมชนไทยให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น

************

รูปภาพประกอบ

รูปภาพประกอบ